ลงทัณฑ์
นิยายสืบสวน สอบสวนอิงจากสถานการณ์ปัจจุบัน อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นไม่ได้มีใจคิดอื่นไปอย่างใด
ผู้เข้าชมรวม
1,606
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
“ปังปัง”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วงลงไปกองกับพื้น ชายผมยาวที่ยืนประจันต์หน้าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ถือปืนวิ่งขึ้นแท็กซี่รอรับผู้โดยสารข้างทางเท้า ก่อนรถจะแล่นออกไปจากจุดเกิดเหตุ
เสียงวิทยุเครื่องดำ แอบต่อช่องตำรวจดังระรัว คนนั่งฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากช่องตำรวจ ส่งข้อมูล “จากศูนย์ข่าวเรียกพายุ จากศูนย์ข่าวเรียกพายุ ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย” ไม่มีสัญญาณอะไรตอบรับอยู่นาน มงคลเจ้าหน้าที่จ่ายข่าวหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรส่วนตัวของนักข่าวสายอาชญากรรมทันที
สัญญาณโทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่สาม ปลายสายรับ ปลายสายมีเสียงลมผ่านเข้ามา “ปืน คุณอยู่ที่ไหนตอนนี้เกิดเหตุยิงกันที่หน้าห้างเซนทรัลปิ่นเกล้า คุณอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุนานไหม” มงคลเดาว่านักข่าวคนนี้ กำลังอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันเก่ง
“ผมอยู่ห่างประมาณ ๑๐ นาที แต่ผมจะรีบเข้าไปให้เร็วที่สุด” นักข่าวหนุ่มปลายทางกดวางสาย เร่งเครื่องยนต์ไปยังจุดหมาย ไม่ร่ำลาคนจ่ายข่าวตามนิสัย
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาถึงเร็วกว่าที่คิดเล็กน้อย ที่หน้าห้างสรรพสินค้า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนออกันเต็มลาน ส่วนบรรดาไทยมุงทั้งหลายถูกกันออกห่างจากจุดเกิดเหตุ แต่ลอบมองดูจากที่ขั้นบันไดสะพานลอยด้านบนแทน
ปืนจอดรถข้างทางเดินเท้าด้าน หน้า คว้ากล้องจากกล่องท้ายรถวิ่งแทรกตัวผ่านฝูงชนเข้าไป
ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามหน้าห้างต่างๆ ทำหน้าที่นั่งอยู่หลังเครื่องตรวจจับโลหะหน้าทางเข้า เมื่อไหร่ที่เครื่องตรวจดังก็จะขอตรวจกระเป๋าหรืออะไรก็ตามที่คนนั้นๆสะพายเดินมายังห้างสรรพสินค้าทันที
หลังเหตุระเบิดกลางเมืองกรุงเทพหลายปีก่อน ใกล้วันปีใหม่ไม่กี่วัน ระบบรักษาความปลอดภัยบางเรื่อง ที่ทำเอาแบบผ่านๆ ก็นำออกมาใช้อย่างจริงจัง บางครั้งชายหนุ่มเองยังเคยนึกรำคาญเสียงเตือนโลหะก่อนเข้าห้าง เพราะมันจะดังทุกครั้ง ที่มีคนเดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นหัวเข็มขัดบ้าง โทรศัพท์มือถือบ้าง ต่างให้ใส่ตระกร้า ผ่านเข้าไปนอกเครื่องตรวจโลหะ และจะนึกสมเพศยิ่งกว่าเมื่อมีสัญญาณดัง และเจ้าหน้าที่เฝ้าหลังเครื่องยิ้มให้ แล้วโบกมือไล่ผ่านไป
ชายหนุ่มรีบเก็บภาพที่เกิดเหตุ มองเข้าไปในกลุ่มเจ้าหน้าที่ เผื่อเจอคนรู้จักบ้าง แต่ก็ไม่พบใครที่พอจะเข้าเค้ารู้จักบ้างเลย ปืนเบนหน้าไปทางกลุ่มนักข่าวคนอื่นๆที่กำลังยืนคุยอยู่ แล้วเดินตามไปสมทบ
นักข่าวสายอาชญากรรมที่วิ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันมักจะรู้จักกัน พวกเค้าแลกเปลี่ยนข้อมูลและช่วยกันคิดปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หลายครั้งด้วยจำนวนข้อมูลที่ช่วยกันหามามีมากกว่าเจ้าหน้าที่ ก็ช่วยตำรวจสืบหาคนร้ายได้เหมือนกัน
ในกลุ่มยืนกันอยู่สามคน อมรนักข่าวชาย ร่างผอมสูง สีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาจากหนังสือพิมพ์หลักหัวเขียว
ธวิลนักข่าวสาวผู้มากประสบการณ์ ชอบถามคำถามที่ผู้ตอบชอบเดินหนีจากหนังสือพิมพ์หลักหัวชมพู
และสุเมธผู้สื่อข่าวร่างสันทัดผิวดำแดงช่างเจรจาจากช่องโทรทัศน์ สุเมธเห็นชายหนุ่มจึงหลีกทางให้ปืนเข้าไปยืนรวม ชายผู้มาใหม่ออกปากถาม “เรื่องถึงไหนกันแล้ว”
“ได้ยินมาว่าผู้เสียชีวิตพบท่าทางมีพิรุธจึงขอตรวจกระเป๋า ผู้ต้องหาเปิดกระเป๋าพร้อมชักปืนออกมายิงสองนัด แล้ววิ่งหนีขึ้นแท็กซี่ไป” ธวิลอธิบายให้ตามทัน
อมรพูดต่อ “ผมคิดว่าในกระเป๋าน่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่ผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นหรอกดตลอดเวลา คุณคิดว่ายังไงสุเมธ”
“เมื่อครู่ผมเห็นกล้องวงจรติดอยู่ที่หน้าประตู ถ้าโชคดีเราจะได้เห็นว่าชายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร และถ้าโชคดีมากกว่านั้นเราจะได้เห็นว่าข้างในกระเป๋าเป็นอะไร"
“ตอนนี้ผมให้น้องช่างเทคนิคเข้าไปเอาภาพพวกนั้นออกมาอยู่ นั่นไงมาพอดีเลย” ช่างเทคนิคคนดังกล่าววิ่งออกมาจากด้านในห้างในมือถือแผ่นดิสท์มาด้วย เมื่อมาถึงจุดที่ยืนคุยกันอยู่ เค้าหยุดพักหายใจก่อนแล้วเล่าเรื่องสรุป
“พี่สุเมธเราได้ภาพของผู้ต้องสงสัยแล้ว และที่สำคัญผมรู้ว่าของในกระเป๋านั้นคืออะไร” เค้าหยุดเงียบมองหน้าทุกคนก่อนจะไปหยุดที่สุเมธ “ผมเข้าไปขอคัดลอกแผ่นข้อมูลก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินสวนเข้าไปเอามา ผมจ่ายค่าภาพไปก่อน พี่ต้องจ่ายคืนผมนะ” สุเมธพยักหน้ารู้ทัน
“ผมขยายภาพในกระเป๋าดูแล้ว ข้างในนั้นเป็นระเบิด แบบตั้งเวลา ดูท่าว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นจะเข้ามาวางระเบิดในห้างก่อนจะถูกพบเข้า” กลุ่มนักข่าวเงียบไป
ปืนตั้งคำถามให้แน่ใจว่าของในกระเป๋านั้นเป็นระเบิดจริงๆ ช่างเทคนิคหันมองชายหนุ่ม “เครื่องขยายภาพในรถของเรามีประสิทธิภาพมากกว่าของตำรวจหลายเท่า ผมก็แค่เอาภาพที่ได้เข้าไปขยาย แล้วตัดต่อส่วนนั้นไปโพสท์ถามในอินเตอร์เนท แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยเก็บกู้ระเบิดเข้ามาดู เค้ามาขอภาพขยายชัดๆไปตรวจดูอีกรอบก่อนตอบมา”
สุเมธสงสัย “แล้วได้ภาพรถแท็กซี่ที่คนร้ายหนีขึ้นไปไหม” ลูกน้องยิ้มอย่างมีเลศนัย “ผมได้โทรศัพท์หาเพื่อนที่ดูแลเรื่องกล้องวงจรปิดในกรุงเทพ ผมได้เลขทะเบียนรถคันดังกล่าวมาด้วย”
เมื่อไม่มีเสียงพูดอะไรออกมาเค้าจึงพูดต่อ “รถแท็กซี่คันนั้นสีชมพูทะเบียน ฮ ๓๒๓๒๑ กรุงเทพ เพิ่งผ่านไปทางถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าไปวงเวียนพระราม ๕ เมื่อ ๑๐ นาทีก่อน ตอนนี้ตำรวจตั้งด่านไล่ล่ารถคันนั้นอยู่”
ปืนโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับมงคลคนจ่ายงาน ชายหนุ่มทำงานเป็นนักข่าวก็จริงแต่เป็นนักข่าวอิสระ ตนเองชอบเสี่ยงเข้าไปเก็บภาพในที่เกิดเหตุหลายๆที่เกิดเหตุ ในขณะที่นักข่าวจากสื่อมวลชนหลักต่างๆยืนรอซื้อภาพอยู่ด้านนอก
นักข่าวอาชญากรรมมักมีอาวุธติดตัว บ้างเป็นสเปรย์พริกไทย บ้างพกมีด แต่เค้าเลือกพกปืนลูกโม่เพื่อความอุ่นใจ แม้ไม่ต้องการจะยิงใครจริงๆ แต่เสียงของมันก็พอจะไล่หลายคนที่คิดเข้ามาทำร้ายได้บ้างหละ
หลังจากล้วงลูกโม่จากเอวด้านหลังออกมาเช็คลูกกระสุน ชายหนุ่มขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เสียบหูฟังโทรศัพท์สวมหมวกกันน๊อคทับ ในใจพลางคิดว่าเรื่องนี้ชักมีกลิ่นแปลกๆ เรื่องแรกก็ปืน เรื่องที่สองก็ระเบิด ก่อนทะยานมอเตอร์ไซค์ไปตามคำบอกเล่าของช่างเทคนิคในสายโทรศัพท์
เมื่อมอร์เตอร์ไซค์ข้ามแยกสะพานผักได้ ก็เจอกับรถติดยาวมาจากวงเวียนพระราม ๕ มาจนถึงหน้าโฮมเวิร์ค จากบนสะพานเห็นได้ชัดว่ามีการเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นก่อนทางลงอุโมงค์ลอดข้ามแยกวงเวียน เพราะแสงกับเสียงจากไซเรนรถตำรวจสว่างและดังสนั่นจากบริเวณดังกล่าว ถึงบริเวณที่เพิ่งเข้ามาถึง
หนุ่มปืนไม่อยากเสียภาพสำคัญบิดเร่งเครื่องผ่านการจราจรไป
เสียงจากเครื่องขยายในรถตำรวจดังแผดทั่วบริเวณ รถแท็กซี่ตามคำบอกเล่าจอดอยู่ด้านหน้าขบวน มีรถตำรวจหลายคันจอดขวางทางอยู่
ภายในรถมีชายลักษณะผมยาวนั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนคนขับรถคันดังกล่าวเห็นใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนสั้น ติดตราขนส่งยืนหลบหลังตำรวจมองดูรถของตนข้างลำโพงตำรวจ
จากระยะของนักข่าวหนุ่มหลบจับภาพ อยู่ไม่ไกลจากรถแท็กซี่สีชมพูมากนัก ส่องกล้องซูมเข้าไปข้างในรถ พร้อมฟังเสียงเจ้าหน้าที่พยายามกล่อมชายในรถให้ลงมามอบตัวแต่โดยดี
เลนส์ที่นำติดตัวมาด้วยยังเข้าไปใกล้ไม่พอ พยายามหาช่องเข้าไปใกล้รถคันดังกล่าว ให้เก็บภาพได้ชัดๆ เผื่อเกิดการยิงต่อสู้กันข่าวนี้จะเป็นข่าวดังในชั่วข้ามวัน ถ้านายกรัฐมนตรีของประเทศไม่ยิงฆ่าตัวเองตายกลบข่าวของตนเสียก่อน
“ผมผู้การวิสุทธิ์เอง คุณรู้จักผมไหม๋ ผมให้คำมั่นว่า ถ้าคุณวางอาวุธ แล้วชูมือขึ้นออกมาจากรถ เราจะไม่ทำอันตรายใดๆกับคุณทั้งสิ้น ออกมามอบตัวก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปเสียก่อนเถอะ” เสียงลำโพงดังกังวาน
ปืนซูมกล้องจับภาพเข้าไปในรถ ชายผู้ต้องสงสัยเอามือปิดหูข้างขวา ถ้าให้เดาคงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แล้วจู่ๆก็เห็นถอดซิมออก เอากระดาษห่อ จุดไฟโยนออกมานอกตัวรถ
ผู้ต้องหาสะพายเป้ใบเล็กใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนต์หน้าเจ็กผิวขาวแดงก้าวออกมาจากตัวรถ ชูแขนขึ้นสองข้าง มือขวาถือลูกโม่สีดำกระบอกเล็กอยู่
“ก้าวออกมาช้าๆ ทิ้งอาวุธ แล้วชูมือขึ้นไว้เหนือหัว ให้เราเห็นมือคุณชัดๆ”
ผู้ต้องสงสัยตะโกนเสียงสั่น “ผมทำผิดเพราะจำเป็น ผมไม่ได้ต้องการจะทำร้ายใคร ผมถูกบังคับ”
“งั้นคุณก็ทิ้งปืนในมือก่อน แล้วชูมือไว้เหนือหัว ทางเราจะช่วยคุณเอง” เสียงผู้การจากลำโพง พูดออกมาอย่างนั้นแต่อาวุธในมือเจ้าหน้าที่หลายคน ต่างชี้เป้าไปที่ชายคนดังกล่าว
“ผมบอกแล้วไงว่าผมถูกบังคับ” เสียงดังฟังชัด แต่อาการสั่นคล้ายจะคลั่ง ชูลูกโม่ในมือกวัดแกว่งไปยังตำรวจเบื้องหน้า
“ใจเย็นๆก่อน วางปืนแล้วชูมือขึ้นให้เห็นชัดๆ แล้วเราจะช่วยแก้ปัญหาของคุณเอง”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมถูกบังคับ” ลูกโม่ในมือชายผู้ต้องหา หันลำกล้องชี้เป้าไปยังผู้การที่ข้างลำโพง จากนั้นเสียงปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดังขึ้นพร้อมๆกับร่างผู้ต้องสงสัยล้มลงบนพื้นถนน
ผลงานอื่นๆ ของ กล้ามใหญ่ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กล้ามใหญ่
ความคิดเห็น